ยุติศึกค่าตัวแล้ว "พชร์-นิก" กอดคอดีกันหวนมาร่วมงานเหมือนเดิม
ยุติศึกค่าตัวแล้ว "พชร์-นิก" กอดคอดีกันหวนมาร่วมงานเหมือนเดิม
พชร์ อานนท์ และ นิก คุณาธิป หวนกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เรียกว่าเป็นการยุติศึกเรื่องค่าตัวทั้งสองคนต่างงัดหลักฐานออกมาสู้กันอย่างดุเดือดเรียกหนักถึงขึ้นจะขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว ทั้งนี้ พชร์ ได้เปิดใจว่าเป็นฝ่ายโทรไปหา นิก ก่อน เผยที่มาเป็นการเข้าใจกันคลาดเคลื่อนเพียงเพราะเราไม่ได้คุยกันอย่างจริงจัง
กลับมาจูบปากกันแล้ว ?
พชร์ : "ก็คุยกันแล้วนะครับ เพราะว่าเราก็ต้องยกโทษให้เด็ก เพราะว่าเรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ได้คุยกันตั้งแต่มีเรื่อง ก็อาจจะมีอะไรคลาดเคลื่อนนิดหน่อย หลังจากนั้นเราก็โทรหาเขา เพราะเขายังมีสัญญาอยู่กับเรา 2 ปี แล้วเราก็เป็นคนดูแล เราก็ติดต่อเขาว่าอยากเล่นหนังไหม เพราะเราก็ต้องตามสัญญาที่เราเซ็นไว้ แล้วเราก็ชวนเขามาเล่น เขาก็โอเค ว่าของคุยขอเคลียร์กับพี่พชร์ก่อน เราก็บอกไม่ต้องเคลียร์หรอก เรื่องเก่าๆ ให้มันลืมๆ ไป เพราะว่าเราเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน เข้าใจผิดกัน"
เรื่องคดีความจะเป็นอย่างไรต่อไป ?
พชร์ : "อันนั้นก็ต้องรอดูทางศาลก่อน ให้มันเป็นไปตามกระบวนการ แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้มีอะไร นิกก็ไม่ได้มีอะไร แค่เราไม่ได้คุยกัน"
สิ่งที่เราไม่เข้าใจกัน คืออะไร ?
พชร์ : "มันมีหลายเรื่องครับ แต่เราก็พยายามคุยกัน พยายามเคลียร์ให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็จะพยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ไม่ใช่ว่าเรามายอมดีกับนิก ไม่ใช่ เราเต็มใจที่จะให้โอกาสเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะน้องก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย"
ใครเป็นฝ่ายโทรหาใครก่อน ?
พชร์ : "เราโทรหาเขาก่อน นิกเขาก็พยายามจะโทรหาเราแหละ แต่เราไม่รับ คุณแม่โทรมาก็ตัดทิ้ง คือเราไม่รับเขาเลยช่วงนั้น แต่เราก็เข้าใจเด็กไง ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันดี เราก็ไม่ว่ากัน แต่ต่อไปนี้ก็ต้องคุยกัน ว่าอะไรเป็นยังไง มันเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า ต่างคนต่างหัวร้อนทั้งคู่ เราก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว สไตล์เราก็เชิ่ดๆ เริ่ดๆ อยู่แล้ว แต่พอเรามาคิดดูวันหนึ่ง มันเหมือนมีอะไรติดขัดในใจเรา เราก็คุยกันดีกว่า เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องยกโทษให้เด็ก อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน"
ตอนพี่เขาโทรไปหาเรารู้สึกอย่างไรบ้าง ?
นิก : "ตอนแรกก็ตกใจครับ เพราะว่าเราไม่ได้คุยกันนานมากๆ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แค่เราไม่ได้พูดคุยกันมากกว่า พอมาเจอกันอะไรๆ ก็ดีขึ้นครับ ก็มีการขอโทษกันครับ ณ ตอนนั้นเลย พอพี่เขาให้อภัยแล้ว เราก็แฮปปี้ครับผม อย่างที่บอกจริงๆ ผมไม่ได้โกรธอะไร พี่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรผม แค่เราไม่ได้คุยกัน"
คิดไหมว่าเราจะสามารถกลับมาเล่นหนังพี่พชร์ได้อีกครั้ง ?
นิก : "ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเล่นหนังแล้วครับ ผมคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่เล่นหนังอีกแล้ว ผมก็ไปทำช่องยูทูบของผม ไปทางอื่น จนวันที่พี่เขาโทรหา"
ใจจริงๆ ช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราก็อยากเคลียร์กับพี่เขาใช่ไหม ?
นิก : "จริงๆ อยากเคลียร์อยู่ตลอดอยู่แล้ว"
พชร์ : "แต่เราไม่คุยกับเขาเอง"
นิก : "อย่างที่เขาบอกกับสื่อว่าทำไมไม่ติดต่อเขาไป ผมก็ให้แม่โทรไป พี่เขาก็บล็อกเบอร์แม่ผม ก็เลยไม่รู้จะติดต่อยังไง"
กลับมากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไหม ?
นิก : "จริงๆ ไม่ กลัวเพราะว่าที่ผ่านมาจริงๆ ผมว่าพี่พชร์เขาไม่ได้จะทำร้ายอะไรผมอยู่แล้ว มันเป็นด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างมีอารมณ์แค่นั้นเอง"
เรียกว่าหายงอนได้ไหมพี่ ?
พชร์ : "มันไม่ได้หายงอนหรอก เราเห็นเด็กที่เราทำงานด้วยกัน เคยอยู่สังกัดเดียวกัน พอเรารู้สึกว่าเขามีปัญหาเราก็อยากจะช่วยให้เขาดีขึ้น เราก็ไม่เคยลืมเขา ใครจะว่ายังไงเราก็ยอมรับอยู่แล้ว ว่าที่ผ่านมาทำไมถึงขึ้นศาล ทำไมถึงโวยวาย เราก็ยอมรับ เราก็ยอมรับผิด แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องให้โอกาสเด็กคนหนึ่ง ตอนแรกว่าจะเอาให้ถึงที่สุด แต่ไม่เอาดีกว่า"
แล้วอะไรที่ทำให้หยุดคำว่า เอาให้ถึงที่สุด ?
พชร์ : "สติ สติทำให้หยุดคำว่าเอาให้ถึงที่สุดเพราะตอนนั้นโมโหหัวร้อน พอคนเรามีสติก็กลับไปทบทวนว่าเรื่องมันเป็นอะไรยังไง ทำยังไงถึงจะให้มันดีขึ้น ไม่งั้นมันก็จะค้างคาใจว่าเราทะเลาะอยู่กับเด็กคนหนึ่ง เราก็ยกโทษให้ดีกว่า แล้วเราก็การที่เราให้อนาคตเด็กอีกครั้งหนึ่ง เราก็จะให้เขาพิสูจน์ว่าเขาจะเป็นคนเดิมไหม ไม่เกี่ยวกับมือที่ 3 มือที่ 4 ที่ 5 ที่ 6"
หลายคนก็มองว่านิกเปลี่ยนแฟนใหม่ พี่พชร์ก็เลยให้โอกาส ?
พชร์ : "อ๋อ ไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องแฟน เรื่องต่างคนต่างทระนงมากกว่า เขาก็จะสไตล์เขา พี่ก็จะสไตล์พี่ แต่พอมาคิดดูแล้วว่าถ้าคนเราดีกัน ดีกว่าโกรธกัน”
ไม่เกี่ยวจริงไหมนิก เห็นยิ้ม ?
นิก : "ผมก็ยิ้มเฉยๆ ครับพี่ ก็ฟังแล้วก็ยิ้ม"
พชร์ : "ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะว่าเราทำงานกันดีกว่า อดีตที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เพราะเราก็อยากจะบอกทุกคนว่า อะไรที่มันยกโทษได้ก็อภัยให้กันดีกว่า สังคมจะได้มีความสุข"
แต่โอเคใช่ไหมที่นิกคบกับคนนี้ ?
พชร์ : "เขาคบกับใครก็เรื่องของเขา เพราะว่าคนเก่าคนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ แต่เราก็ต้องบอกให้เขารู้จักดูแลตัวเอง ให้เขาเลือกคบคน"
หลายคนก็มองว่านิกไปไหนไม่รอดสุดท้ายก็กลับมา ?
นิก : "จริงๆ อย่าเรียกว่าไปไหนไม่รอดเลยดีกว่า จริงๆ เรียกว่าอยากกลับมา เราคิดถึงกันมากกว่าครับ ผมอยากกลับมาร่วมงานกันมากกว่า พอพี่พชร์เขาได้ติดต่อมา ผมก็แฮปปี้ที่จะอยากกลับมาทำงาน เพราะอย่างที่บอก ผมพูดตรงๆ ว่าตอนแรกผมก็เอียนกับการที่จะเล่นหนังไปแล้ว ผมอยากจะไปเป็นยูทูบเบอร์ ไปทางนั้นแล้ว"
กลับมาครั้งนี้ต้องปรับตัวไหม ?
นิก : "จริงๆ ไม่มีอะไรต้องปรับครับ ตอนที่เรากลับมาคุยไลน์กันกับพี่พชร์แรกๆ ก็เหมือนมีอะไรมากั้น แต่พอเรานัดเจอกันก็เหมือนทลายกำแพง”
พชร์ : "เหมือนมีคลื่นมากั้นเพราะเราคุยโทรศัพท์กันไง คือเรามาคิดแล้วก็ให้อภัยกันดีกว่า ทะเลาะไปก็เท่านั้น"
มองหน้ากันติดได้เลยเหรอ มีเรื่องกันมาขนาดนี้ ?
พชร์ : "เราเป็นคนสไตล์นี้อยู่แล้ว คือเป็นคนให้อภัยคน ไม่ใช่กรณีนิกคนเดียว คนอื่นเราก็ให้ ถ้าใครที่เรารู้สึกว่าเขาดีขึ้น แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนใจดี ให้อภัยแล้วรู้สึกสบายใจ อะไรที่ตะขิดตะขวงใจก็ปล่อยวาง ทำให้มันดีขึ้น"
โกรธง่ายแต่หายง่ายกว่า ?
พชร์ : "พอๆ กัน โกรธง่าย หายโกรธยาก แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะยังไงเขาก็เคยเป็นเด็กเรา ใครจะด่าพี่ก็ได้นะ พี่ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะพี่คิดดีแล้ว เราถึงคุยกับเขา"
เรื่องสัญญาล่ะ ?
พชร์ : "ก็รอให้มันหมด อีก 2 ปีหมด ระหว่างนี้เขาก็ทำงานกับเราไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะไปทำอะไรก็ตามสบาย เรื่องของเขา เราไม่บังคับแล้ว อยู่ที่จิตใจเขา เพราะคนเรามันดูแลได้แค่ตัว แต่จิตใจเราดูแลกันไม่ได้อยู่แล้ว"
งานต่างๆ ก็ติดต่อผ่านพี่พชร์ ?
พชร์ : "ก็คงจะอย่างงั้นครับ คนอื่นไม่ติดต่อเขาอยู่แล้ว เพราะเขากลัวน้องยังมีสัญญากับพี่"
เราโล่งอกขึ้นไหม ?
นิก : "โล่งอกครับ แล้วก็อยากจะบอกคนที่เคยติดต่อมา ตอนนี้รับงานได้แล้วนะครับ"
พชร์ : "รับไม่รับอะไรบอกเราด้วย เพราะคิวต้องเทให้เรา"
ช่วงนั้นสูญเสียเยอะไหม ?
นิก : "เยอะมากครับผม แค่ค่ารีวิวก็เยอะแล้ว"
พชร์ : "เขาทำตัวเขาเองไง"
ตอนขอโทษมีพวงมาลัยขอขมาไหม ?
พชร์ : "ไม่ต้องๆ พวกนี้มันไม่สำคัญสำหรับพี่ มันสำคัญที่ความจริงใจมากกว่า อย่างเทพพิทักษ์ มาขอโทษพี่ตอนนี้พี่อาจให้อภัยก็ได้"
เรื่องคดีใครจะถอนใครก่อน ?
พชร์ : "ต้องรอ มันเป็นรูปของคดี แต่จริงๆ แล้วศาลก็อยากให้ประนีประนอมไกล่เกลี่ยกันมากกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเรา 2 คน เดี๋ยวรอศาลท่านเรียกเราอีกครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นปีหน้า"
ไกล่เกลี่ยแล้วก็คือจบเลย ?
พชร์ : "ใช่ เราทำงานด้วยกันแล้ว ถ้าไม่จบก็แปลกหรือเปล่า เราไม่ได้ว่าท่านนะ เราไปขอให้ท่านช่วย ให้ตัดสินกันไป เราก็อยากให้จบกันดี เพราะเราก็ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม"
จูบปากแล้วเนอะ ?
พชร์ : "ว่าจะจูบให้ดู แต่เขาไม่กล้า"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น