"บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" โชว์หลักฐานรับเงินบริจาคช่วยน้ำท่วม 422 ล้าน กว่า 50 ลัง
"บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" โชว์หลักฐานรับเงินบริจาคช่วยน้ำท่วม 422 ล้าน กว่า 50 ลัง
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พาดูกองเอกสารหลักฐานรับเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมภาคอีสานปี 2562 ยืนยันลาออกจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ไม่มีใครกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดาราชื่อดัง ได้พาผู้สื่อข่าวหลายสำนักไปดูกองเอกสารหลักฐานการรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 6 จังหวัดภาคอีสาน เมื่อปี 2562 ได้แก่ อุบลราชธานี, ยโสธร, อำนาจเจริญ, ร้อยเอ็ด, มหาสารคาม และ ขอนแก่น ซึ่งถูกเก็บไว้ในแฟ้มอย่างดีและบรรจุใส่ไว้ในลังพาสติกกว่า 50 ลัง ภายในสำนักงานแห่งหนึ่งในย่านอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ กล่าวว่า หากใครจะตรวจสอบยินดีให้มาเอาไปตรวจสอบทั้งหมด และต้องนำมาคืนและห้ามหายแม้แต่แผ่นเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องภาคอีสานด้วยการเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศที่บริจาคเงินผ่านบัญชีตนเอง ให้นำไปช่วยเหลือชาวอีสานที่ถูกน้ำท่วมรวมแล้ว 422 ล้านบาทนั้น ตนเองออกมาชี้แจงตลอดว่าช่วยเหลืออะไรไปบ้าง
แม้กระทั่งจัดซื้อเรือกู้ภัย จัดซื้อรถพยาบาล จัดสร้างโรงเรียน ซึ่งทุกบาททุกสตางค์สามารถตรวจสอบได้ และตนเองยืนยันว่าไม่เคยคิดเอาเข้ากระเป๋าตนเองแม้แต่บาทเดียว หากตนเองไม่บริสุทธิ์ใจที่ผ่านมาคงไม่รอดทั้งสรรพากรและการตรวจสอบต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนประเด็นที่มีการบิดเบือนและโยงไปในเชิงลบ ที่ออกมาบอกว่าตนเองจะตบเด็กชูสามนิ้วนั้น ตนเองยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้คิดจะตบเด็ก แต่ตนไม่อาจทนต่อการจาบจ้วงสถาบันได้ ย้ำไม่คิดจะยุ่งกับการเรียกร้องของเด็ก เด็กชุมนุมเรียกร้องอนาคตของเขาก็ถูกแล้ว เพียงแต่ตนเป็นคนรักสถาบันมาก รักยิ่งชีพ มันอัดอั้นตันใจที่เห็นการจาบจ้วงสถาบัน
ยืนยันว่าการออกมาเชิญชวนให้คนไทยที่รักสถาบันออกมาแสดงพลังในวันที่ 1 พ.ย. นี้ และอันนี้ไม่ใช่เป็นการปลุกระดมแต่อย่างใด แต่เชิญชวนให้ออกมาร่วมกันรับเสด็จและแสดงพลังให้พระองค์ท่านเห็นว่านี่คือพลังคนไทยที่รักสถาบันเท่านั้นเอง ยืนยันว่าไม่มีใครสั่งการหรืออยู่เบื้องหลังแน่นอน
ส่วนเรื่องประกาศลาออกจากอาสาสมัครนั้น ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งหรือถูกกดดันจากผู้ใดในองค์กร แต่เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนและทำกิจกรรมได้เต็มที่กับการออกมาปกป้องสถาบันในครั้งนี้ ตนคิดว่าเพื่อความเป็นอิสระและไม่ให้มีผลกระทบไปถึงองค์กรจึงของลาออกจากการเป็นอาสา ซึ่งหลังจากที่ทำกิจกรรมแล้วเสร็จก็จะกลับไปขอสมัครใหม่เริ่มต้นใหม่ และเข้าพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ในมูลนิธิต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น